วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Skid Row


Skid Row เป็นวงฮาร์ดร็อก เฮฟวี่ เมทัล สืบทอดวงการร็อกต่อจากรุ่น Bon Jovi, Cinderrella, Motley Crue กระชากใจแฟนเพลงทั้งชายและหญิงด้วยดนตรีที่หนักหน่วง เข้มข้น เสียงร้องที่สูงและทรงพลัง โด่งดังมากในยุคปี 1988-2000  เริ่มก่อตั้งวงกันในนิวเจอร์ซีย์ ปี 1986 ตัวตั้งตัวตีคือ ราเชล โบลัน มือเบส และ เดฟ ซาโบ มือกีตาร์ ต่อมาได้มือกีตาร์ สกอตตี้ ฮิลล์ กับ ร็อบ อัฟฟูโซ มารัวกลอง นักร้องนำยุคแรก คือ แมตต์ ฟัลลอน ก่อนจะเปลี่ยนเป็น เซบาสเตียน บากสมาชิกวงเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนหน้าตาดี 5 คน โดยเฉพาะ บาก มีคนยกให้เป็น ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ภาคผู้ชาย  ปี 1987 ห้าหนุ่มตระเวนเล่นดนตรีตามคลับทั่วฝั่งตะวันออก จอน บอง โจวี่ นักร้องนำวง Bon Jovi ซึ่งสนิทกับ ซาโบ ช่วยเหลือให้ Skid Row ไปบันทึกเสียงกับค่ายแอตแลนติก  ปี 1989 เปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อเดียวกับชื่อวง ประสบความสำเร็จทั่วโลก มีเพลงฮิตสุดร้อนแรง 3 เพลง ได้แก่ 18 and Life, I Remember You, และ Youth Gone Wild โดยเฉพาะเพลง 18 and Life เป็นซิงเกิ้ลติดหูบรรดาสาวก เนื้อหาเข้มข้นหนักหน่วงมาก กล่าวถึงริกกี้เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่ใช้ชีวิตเสเพลข้างถนนหลังถูกไล่ออกจากโรงเรียน ทำตัวเหมือนขยะสังคม ดื่มเหล้า และรับจ้างทำงานไปวันๆ โดยดื่มหนักมากจนท้ายสุดยิงเพื่อนตัวเองตายและต้องติดคุกทั้งที่อายุเพียง 18 ปี ความสำเร็จจากอัลบั้มแรกทำให้มีทัวร์คอนเสิร์ตแน่นตลอดปี ในปี 1991 เปิดตัวอัลบั้มที่ 2 ชื่อ Slave to the Grind ติดอันดับ 1 ของชาร์ตเพลงฮิตของอเมริกา จนได้เดินสายทัวร์รอบโลกข้ามปี สี่ปีต่อมาคลอดอัลบั้มที่ 3 Subhuman Race แต่ชื่อเสียงเริ่มซา เพลงไต่ขึ้นชาร์ตได้แค่อันดับ 40 เท่านั้น กระทั่งปี 1997 บากโดนไล่ออกจากวงหลังทัวร์คอนเสิร์ตกับวงระดับตำนานอย่าง Kiss เนื่องจากความก้าวร้าว เมา และควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้เกิดการผ่าตัดวง Skid Row ขนานใหญ่ มีการเปลี่ยนชื่อวงใหม่เป็น Ozone Monday ได้ ชอว์น แม็กคาเบ เข้ามาเป็นนักร้องนำคนใหม่  Skid Row ฟอร์มวงอีกครั้งในปี 1999 เปลี่ยนนักร้องนำเป็นจอห์นนี่ โซลินเกอร์ และได้มือกลองคนใหม่ ชาร์ลี มิลล์ส แต่ไม่นานก็มีการเปลี่ยนมือกลองอีกเป็นฟิล วาโรเน่ คราวนี้ออกทัวร์เป็นวงเปิดให้ Kiss อีกครั้งในแฟร์เวล ทัวร์ และเล่นร่วมกับวงแฮร์เมทัลแบนด์อย่าง Poison  อัลบั้มที่ 4 ปี 2003 ชื่อ Thickskin ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของ โซลินเกอร์ และวาโรเน่ แต่หลังจากออกชุดที่ 4 วาโรเน่ก็ออกจากวง มี เดฟ การา เข้ามาแทนที่ ช่วงหลังเปลี่ยนสมาชิกวงเรื่อยๆ เนื่องจากเพลงไม่ดังเปรี้ยงปร้างและรายได้ก็ลดลง ทำให้เกิดความไม่ลงตัวหลายอย่าง แต่ในที่สุดก็เข็นอัลบั้มที่ 5 ออกมาจนได้ในปี 2006 ชื่อ Revolutions Per Minute กับค่ายเอสพีวี เรคคอร์ดส์ โดยมี ไมเคิล เวกเนอร์ โปรดิวเซอร์คู่ใจที่เคยทำให้กับ 2 ชุดแรกจนประสบความสำเร็จสูงสุดกลับมาทำให้อีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น